LIPE





   ช่วงเวลาเดินทางของทริปนี้ คือ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 - 1 ธันวาคม 2561 รวมแล้ว 5 วัน 4 คืน โดยจะพักที่หาดใหญ่ 1 คืน และเกาะหลีเป๊ะ 1 คืน โดยแผนการเดินทางของทริปนี้ ประมาณนี้
   วันที่ 1 (27 พ.ย. 62) : เดินทางถึงหาดใหญ่ ราว ๆ 12.30 น. ตระเวนกินร้านดังในอำเภอหาดใหญ่ 
   วันที่ 2 (28 พ.ย. 62) : เดินทางจากหาดใหญ่ - เกาะหลีเป๊ะ พักที่ Zodiac Beach Resort
   วันที่ 3 (29 พ.ย. 62) : เหมาเรือดำน้ำโซนใน + โซนนอก
   วันที่ 4 (30 พ.ย. 62) : ย้ายไปพักที่ The Cliff Lipe Resort
   วันที่ 5 (1 ธ.ค. 62) : เดินทางกลับ

----------------------------------
การจองรถตู้และเรือ
----------------------------------
    เกาะหลีเป๊ะนั้นอยู่ที่จังหวัดสตูล การเดินทางที่นิยมที่สุดคือการนั่งเรือเร็วจากท่าเรือปากบารา ซึ่งอยู่ในอำเภอละงู ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำคือหาวิธีเดินทางมาที่นี่ แต่เนื่องจากจังหวัดสตูลนั้นไม่มีทั้งสนามบิน และสถานีรถไฟ การเดินทางส่วนใหญ่จะเริ่มต้นกันที่หาดใหญ่ หรือจังหวัดตรัง ที่อยู่ห่างออกไปราว ๆ 2 ชั่วโมง เอาหล่ะ ส่วนผมนั้นเดินทางมาโดยเครื่องบินเส้นทาง ดอนมือง - หาดใหญ่ ราคา 833 บาทต่อคน แล้วนั่งรถตู้เพื่อไปยังท่าเรือปากบารา (รายละเอียดจะค่อย ๆ เล่าไปเรื่อย ๆ)

   ทั้งรถตู้ + เรือเร็ว + เรือดำน้ำ ผมจองผ่านทาง http://www.easylipe.com/ ทั้งหมด แนะนำเลยครับที่นี่อนุชิตแกตอบไปไวมาก ๆ ราคา มีตามนี้
1. รถตู้ VIP แบบ 9 ที่นั่ง รับจากโรงแรมในหาดใหญ่ - ท่าเรือปากบารา - สนามบินหาดใหญ่ 600 บาท (ขาละ 300 บาท)
2. ค่าเรือเร็ว ไป-กลับ (ปากบารา - เกาหลีเป๊ะ) 1,000 บาท
3. ค่าเรือเหมาดำน้ำ โซนใน + โซนนอก 2,000 บาท (มีอุปกรณ์ทั้งหน้ากาก และชูชีพ)
เมื่อจองแล้วจ่ายมัดจำก่อน 1,200 บาท อีก 4,000 ไปจ่ายที่ออฟฟิศของ easylipe ซึ่งอยู่หน้าท่าเรือปากบาราเลย


เที่ยวรถและเรือสำหรับไปเกาะหลีเป๊ะตามนี้เลย
----------------------------------------------
วันที่ 1
(27 พ.ย. 62) :
เริ่มต้นการเดินทางที่หาดใหญ่

----------------------------------------------

   27 พฤศจิกายน 2562 วันนี้อากาศแจ่มใส จองไฟล์ท 11.15 น. เอาไว้ หลับเต็มตื่นได้สบาย ๆ กัปตันเอาเครื่องมารับตรงเวลา

   บินไปสัก 1 ชั่วโมงเศษ ก็เริ่มเข้าเขตจังหวัดสงขลา ห็นเกาะยออยู่ลิบ ๆ (น่าจะใช่) กัปตันก็ประกาศลดระดับพร้อมแลนดิ้งที่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ อากาศที่นี่ก็แจ่มใสไม่แพ้ กทม. ก่อนมาก็ภาวนาให้อย่าได้มีพายุเข้าเลย เพราะเราก็มาช่วงปลายหน้าฝนเล็กน้อย ก็มีความสี่ยงอยู่บ้าง แต่สุดท้ายทริปนี้แดดดีสุด ๆ ไปเลย

   พอถึงสนามบินก็หาวิธีเข้าเมือง ล่าสุดเมื่อกลางปีที่แล้วได้มีการให้บริการมินิบัส ปรับอากาศสำหรับเข้าเมืองหาดใหญ่ ราคาคนละ 60 บาท ส่งตรงถึงหน้าโรงแรมในย่านเขตเมืองเก่ากันเลย ที่ขายตั๋วพอเดินออกมาก็เดินมาทางซ้ายของสนามบินเลยละแวกเดียวกับที่ให้บริการแท็กซี่

ซื้อตั๋วเสร็จเดินออกมาก็เจอรถจอรอรับเลย รถเต็มก็ออก


   นั่งมาได้สักครึ่งชั่วโมงก็ถึงโรงแรม เราพักที่โรงแรม Red Planet ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง อยู่ในระยะทำการการกินก็ว่าได้ ร้านอร่อยรายล้อมโรงแรมเลย ราคาคืนละ 690 บาท

 จากนั้นไม่รอช้าเวลามันน้อยออกไปล่าของอร่อยในเมืองหาดใหญ่
ตัวเมืองหาดใหญ่มีส่วนผสมทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย
ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์ มีความสสิคจริง ๆ
สำหรับภารกิจตระเวนกินในเมืองหาดใหญ่ 7 ร้าน ใน 8 ชั่วโมง ผมรีวิวไว้กระทู้นี้แล้ว
ส่วนกระทู้นี้จะจะเน้นที่ส่วนของเกาะหลีเป๊ะเป็นหลัก



   จบวันที่ 1 ของทริป ที่หาดใหญ่ เมืองที่มีความคลาสสิคมาก อาหารอร่อยสุด ๆ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาซ้ำที่นี่อีกแน่นอน เพราะมีเพื่อน ๆ ในพื้นที่เข้ามาแนะนำร้านเด็ดหาดใหญ่ไว้เยอะมากมาย
วันที่ 2
(28 พ.ย. 62)
การเดินทางสู่เกาะสวรรค์

----------------------------------------------

      หลังจากเมื่อคืนกิน เอ้ยไม่สิต้องเรียกว่ายัดมากกว่า กับร้านเด็ดในเมืองหาดใหญ่ เช้านี้นัดกับรถตู้ที่จะมารับไว้ตอน 07.30 น. ซึ่งเราจองแบบ VIP ไว้ซึ่งเป็นรถตู้แบบ 9 ที่นั่งปรับแต่งภายในเล็กน้อย ราคา 300 บาท ซึ่งแพงกว่าแบบธรรมดา 50 บาท ปรากฎว่าได้รถ Super VIP เลย เพราะทั้งคันมีเรานั่งแค่ 2 คน เหมาจร้าาาาาาาาาา สบายเว่อมาก ☺️☺️ พี่คนขับบอกว่านักท่องเที่ยวยังน้อยอยู่ เราไปวันธรรมดาด้วย

   นั่งมาสัก 2 ชั่วโมงก็มาถึงพี่คนขับขับรถดีมาก ๆๆๆๆๆๆๆ ขับแบบเรื่อย ๆ ชิลล์ ๆ ไม่เร่งไม่รีบ แซงเมื่อชัวร์เท่านั้น

   อย่างแรกมาถึงก็มาเคลียร์ค่าใช้จ่ายที่เหลือที่ออฟฟิศของ Easylipe พร้อมฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่นี่ เพราะเราไปเรือรอบ 11.30 น. เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่า ก็ไปหาข้าวเช้ากิน

    เราเลือกข้าวแกงหน้าท่าเรือ อย่าเรียกว่าเลือกเลยเถอะเพราะอยู่ร้านเดียว แกงใต้มื้อแรกของทริป อร่อยเลยแหละโดยเฉพาะแกงคั่วสัปปะรด และแกงส้มแซ่บมาก จัดจ้านสุด ๆ ร้านนี้ฝากความหวังได้เลย บังวร แห่งท่าเรือปากบารา




   ถึงเวลาก็เข้าไปรอที่ท่าเรือ มีเสียค่าผ่านท่าเรือคนละ 20 บาท + ค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท (ในส่วนหลังจะต้องนำติดตัวไปด้วยเผื่อถูกเจ้าหน้าฯเรียกตรวจ)



เอาวอชเชอร์จากเอเจนท์มารับตั๋วเรือได้เลยเรือมีอยู่ หลายเจ้าพอสมควรครับ ดูตามเค้าเตอร์ที่ทางเอเจนท์บอกไว้

     สำหรับเรือรอบ 11.30 น. จะแวะเกาะตะรุเตา และเกาะไข่ ให้ลงไปชมบรรยากาศถ่ายส่วนเรานั้นขอถ่ายเล่นบนเรือก็พอแล้ว แดดประเทศตอนเที่ยง ๆ นั้นยอมแพ้จริง ๆ

   ถัดมาจากเกาะตะรุเตาก็มาจอดที่เกาะไข่ เกาะนี้น้ำสวยมากเริ่มโชว์ทีเซอร์กันแล้ว แค่น้ำจิ้มก็ตะลึงกันแล้ว น้ำใส สีฟ้าใส สวยมากกกก แต่เช่นเดิมเราไม่ได้ลงเพราะช่วงนั้นเรือมาจอดพร้อมกัน 5-6 ลำ คนเยอะมากขอถ่ายเล่นบนเรือพอ แค่นี้ก็ฟินแล้ว




    สวัสดีเกาหลีเป๊ะ  " รักแรกพบ " คงต้องใช้คำนี้เมื่อเรือเลื่อนเข้าสู่เขตชายหาดของพร้อมเสียงของเครื่องยนต์ที่เบาลงเผื่อเป็นการไม่ทำงานปะการังที่อยู่ด้านล่าง นำทะเลสีฟ้าใสแบ่งเลเยอร์ของสีกันชัดเจน มองลงไปใสเห็นปะการัง มันสวยมากจริง ๆ

    เมื่อเรือจอดที่โป๊ะที่หาดบันดาหยา (หรือพัทยา) ก็ให้ผู้โดยสารทยอยลง ก็จะมีคนเกาะมาช่วยยกกระเป๋าลง คนของรีสอร์ทต่าง ๆ ก็จะมารอรับลูกค้าถึงท่าเรือเลย

    ทริปนี้ 2 คืนแรกเราพักที่ Zodiac Beach Resort ตัวรีสอร์ทอยู่ท้ายหาดบันดาหยา (พัทยา) จากที่จอดเรือเดินมาทางซ้ายเกือบสุดหาด เห็นไม่ไกลมาเท่าไหร่ก็เลยไม่รอพนักงานโรงแรมที่เพิ่งไปส่งลูกค้าที่ลงเรือมาก่อน มองจากท่าเรือเหมือนจะใกล้แต่เดินจริงไกลใช้ได้เลย

   เราเลือกห้องพักแบบ Beach Font ซึ่งอยู่ติดหาดเลย เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงทะเล จองช่วงที่รีสอร์ทเปิดแรก ๆ ประมาณเดือนกันยายน 3 เดือนก่อนเดินทาง ได้ในราคา 1,300 บาท (รวมอาหารเช้า) คือโคตะระถูกมาก ๆ สำหรับรีสอร์ทติดชายหาดบนเกาะหลีเป๊ะ
   ผมแนะนำมาก ๆ สำหรับที่นี่พนักงานน่ารักทุกคน ประทับใจตั้งแต่เดินเข้ามาเลย เมื่อพนักงานสองคนเห็นเราเดินแบกกระเป๋ามาหลายใบ เค้าวิ่งเข้ามาช่วยพร้อมความรู้สึกผิดนึกว่าพนักงานขับรถไม่ได้ไปรับ เราบอกว่า เปล่าเราอยากเดินมาเองชมบรรยากาศเกาะไปด้วย เค้าก็ยังจะเอ่ยขอโทษอีกหลายครั้ง จนรู้สึกได้ว่าเซอวิสมายด์ คือ ดีมาก ๆๆๆๆ และตลอดเวลาที่พักพนักงานดูแลเอาใจใส่ดีมาก ๆ แทบจะรู้ว่าเราต้องการอะไรแล้วเอ่ยปากเสนอเองเสียด้วยซ้ำ ความประทับใจให้ 100 เต็ม 10 ไปเลย

โปรแกรมบ่ายวันนี้ไม่มีอะไรมากคงแค่ว่ายน้ำเล่นหน้าชายหาด แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องขอหาข้าวกลางวันกินก่อน ฝากท้องไว้กับที่รีสอร์ทนี่แหละราคา ไม่แพงจนเกินไปอาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 120-150 บาท (เทียบกับร้านตามสั่งในถนนคนเดินก็ประมาณ 80 บาท) ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป ยิ่งปริมาณที่ให้เยอะจานเดียวเอาอยู่เลย ที่สำคัญอร่อยมากด้วย โดยเฉพาะข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ หอมกะปิมาก


อิ่มแล้วก็ได้เวลาดำน้ำ ที่รีสอร์ทมีอุปกรณ์ให้ยืมใช้ได้แบบฟรี ๆ ทั้งตีนกบ หน้ากากดำน้ำ หรือแม้กระทั่งเรือคายัค ก็ให้ยืมใช้ฟรี คุ้มในคุ้มมาก ๆ รีสอร์ทนี้ อวยกันแบบสุดลิ่ม ทิ่มประตูเลย


พร้อมแล้วไปตามหานีโม่กัน ชมบรรยากาศไปเพลิน ๆ เลยครับ


ปะการังที่หน้าหาบันดาหยาส่วนใหญ่จะเป็นปะการังแข็งมีดอกไม้ทะเลอยู่บ้างเล็กน้อย

บอกเลยว่าฟินมาก





ปิดท้ายวันแรกก็ไปเดินเล่นหาอะไรกินที่ถนนคนเดิน ลงเอยที่ร้านโรตี มีนา โรตีอร่อยใช้ได้เลยครับ



จบวันแรกของบนเกาะหลีเป๊ะ พรุ่งนี้เราจะไปลุยโลกใต้ทะเลของที่นี่กัน
วันที่ 3
(29 พ.ย. 62)
เพลินอุราไปกับโลกใต้น้ำ  

----------------------------------------------

    เช้านี้นัดกับพี่หลุนคนเรือไว้ตอน 9 โมงครึ่ง ครับ ชิลล์ปล่อยให้คนกลุ่มใหญ่นำหน้าไปก่อนเพราะทัวร์ส่วนใหญ่จะออก 08.30 - 09.00 น. เรารอไปต่อท้ายจะได้เจอคนไม่มากนัก เป็นข้อดีของการเหมาเรือ  ซึ่ง 2,000 บาท ก็แพงกว่าราคาจอย ประมาณ 400 บาท แต่ได้ความอิสระ ตามใจเรามาก ๆ

   เช้านี้ตื่นเช้าด้วยความฟังเสียงคลื่นตลอดคืนทำให้หลับสบายมาก ๆ ออกมาดมกลิ่นทะเล สัมผัสอากาศของเกาะยามเช้า พร้อมกับจิบกาแฟแก้วใหม่ แต่ซี้กันไวมาก กลายเป็นแก้วโปรดตั้งแต่จิบแรก มันสดชื่นใจมาก ๆ

   คุณแฟนตื่นก็ออกมากินอาหารเช้าที่รีสอร์ท อาหารเช้าที่นี่ดีเลยครับ มีทั้งแบบตะวันตก ไข่ดาว ไส้กรอก ขนมปัง ข้าวต้มเครื่อง กับข้าว 1-2  อย่าง ซีเรียล นม ชา กาแฟ เรียกได้ว่าครบครัน


บรรยากาศห้องอาหารอยู่ริมทะเล กินได้ชิลล์ ๆ ไปเลย


พร้อมแล้วลุยกัน !! เราสั่งอาหารจากรีสอร์ทสำหรับมื้อกลางวันไปกินกันบนเรือด้วย ที่นี่จะไม่ใช้พลาสติก หรือโฟม เพื่อเป็นการลดขยะ เลยใส่ปิ่นโตให้ลูกค้า น่ารักมาก ๆ เดี๋ยวต้องไปหาที่ปิคนิคแบบไพรเวทสักหน่อยแล้ว


มีสาระนิดนึงเล่าให้ฟังหน่อยว่า โซนใน กับโซนนอกแบ่งกันยังไงก่อน
1. โซนใน อยู่บริเวณเกาะอาดัง เกาะราวี และเกาะหินงาม
2. โซนนอก อยู่บริเวณเกาะดง และรอบ ๆ จะมีเกาะผึ้ง เกาะไม้ไผ่ เกาะรอกลอย และเกาะหินงาม
คำถามที่เจอคือที่ไหนสวยกว่ากัน ตอบคือ สวยทั้งคู่ควรไปเก็บทั้งหมดนี่แหละ แต่ถ้ามีเวลาวันเดียวก็ลองใช้เรือเหมาแล้วเลือกจุดที่น่าสนใจสำหรับเรา ไปทั้งโซนนอกและใน
ภาพจาก : http://www.easylipe.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539142074

   ดำน้ำที่แรกก็พีคเลย นี่คือไฮไลท์ที่ใคร ๆ ก็ต้องมา "ร่องน้ำจาบัง" จุดชมปะการัง 7 สี ที่นี่ปะการังสวยมากกกกก ดงปะการังจะอยู่กลางทะเล จาบังแปลว่า 3 แยก ในภาษามลายู ตรงนั้นก็จะมีเกาะอาดัง เกาะหินงาม และเกาะหลีเป๊ะ กระแสน้ำจะค่อนข้างแรง แต่ทางอุทยานได้ทำเชือกไว้จับอย่างดีเพื่อไม่ให้ลอยไปกลางทะเล ^_^  จุดนี้ถ้าอยากเห็นชัด ๆ สวย ๆ แนะนำให้มาช่วงข้างแรม 7 -15 ค่ำ น้ำจะลงตอนกลางวันทำให้เห็นปะการังได้ง่าย แต่ก็สูงอยู่ดี ประมาณ 1 - 2 เมตร  ยิ่งแดดออกจะยิ่งสวย








จุดถัดมา ด้านหลัง #เกาะหินงาม จะอยู่ถัดจากร่องน้ำจาบัง ตรงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นปะการังแข็ง ปะการังสมอง ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่แต่มีความสมบูรณ์มาก ๆ ปลาเยอะ


จากนั้นเราก็ตีไปโซนนอกจุดหมายคือเกาะผึ้ง ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง นั่งชมวิวไปเพลิน  ๆ  ทันใดนั้นเราก็เจอปลาฝูงใหญ่ ย้ำว่าใหญ่มากๆๆๆ พี่หลุนคนเรือบอกว่าน่าจะเป็นฉลามย้ายที่อยู่ หรืออาจจะเป็นโลมา พี่เค้าบอกว่าขับเรือมา 7 ปี ก็ยังไม่เคยเจอฝูงปลาใหญ่ขนาดนี้ในแถบน่านน้ำนี้เลย พวกน้องนี้โชคดีมาก ๆ ในใจก็กลัวนะ เพราะเรือเราเหมือนใจกลางฝูงพวกมันเลย นับด้วยตาที่เห็นเป็นคีบนี่ไม่น่าต่ำกว่า 50 ตัว คุ้มแล้วจริง ๆ


จากนั้นก็มาที่โซนนอกเริ่มที่ #เกาะผึ้ง 🐝 เกาะนี้ห้ามพลาดจริง ๆ เพลินมากที่สุดอยู่ได้เป็นชั่วโมงเลยแหละ เป็นดงดอกไม้ทะเล สาหร่าย และปลาสีสันจัดจ้านสุด ๆ ส่วนใหญ่เป็นนีโม่ และปลานกแก้ว





จบจากเกาะผึ้ง ก็ได้เวลาอาหารกลางวัน  เรารีเควสพี่หลุนกัปตันเรือว่าขอปิคนิคบนหาดส่วนตัว ไร้ผู้คน พี่แกก็มาจอดที่หลัง #เกาะดง ติด ๆ กับเกาะผึ้ง ซึ่งมันไพรเวทมากจริง ๆ เป็นมื้อที่พิเศษมาก ๆ น้ำทะเลก็สวยใสกริ๊ง


มาเป็นคลิป ยืนยันความฟิน
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
อิ่มแล้วก็ว่ายน้ำเล่นที่เกาะดงนี่แหละ หาดในฝันชัด ๆ หาดส่วนตัว ไร้ผู้คน มีความสุขมากจริง ๆ ผมยังจำความรู้สึกวันนั้นได้ชัดเจนอยู่เลย ณ วันที่นั่งเขียนเรื่องราวนี้อยู่



หลังจากเกาะดงก็ได้เวลาของเกาะที่ผมอยากมามากที่สุด ภาพชวนฝันของชายหาดของสองเกาะที่มาบรรจบกันทำให้สีน้ำทะเลสีฟ้าใส นั่นก็คือ #เกาะรอกลอย บอกเลยว่าที่นี่คือห้ามพลาดเลย เกาะนี้ไม่ได้มีที่ดำน้ำ แต่สีน้ำคริสตัลบลูสวยมาก สวยใจสั่น สั่นตั้งแต่เรือเคลื่อนเข้ามาในออร่าของเกาะนี้ บอกเลยสวยว่าสวยไม่แพ้ที่ไหนในโลกแน่นอน  ที่เกาะจะมีจุดชมวิวที่ต้องปีนไปเล็กน้อยแ ดูภาพไปเพลิน ๆ เลยครับ








สุดท้ายมาจบที่ #เกาะไม้ไผ่ เกาะนี้มาถึงก็แทบหมดแรง ปะการังไม่สวยมากแต่ฝูงปลาคือพีคเลยปลาแน่นมาก ปลาแปลก ๆ เยอะ โดยเฉพาะนีโม่มะเขือเทศ สีแดงจี๊ดสวยมาก ปลาไหลมอเลย์ ปลิงทะเล เยอะไปหมด ไม่มีภาพเลยเพราะจุดนี้ค่อนข้างลึก


และจบทริปดำน้ำที่ #เกาะหินซ้อน จุดนี้ไม่ได้แวะพี่หลุนเบาเรือให้แป๊บนึงก็แชะจากบนเรือเลย สวยดีนะ รูปทรงแปลกตา

กลับมาอาบน้ำพักผ่อน ตกเย็นก็ไปหาอะไรกินที่ถนนคนเดิน เลือกกินร้านโรตี มีนาเหมือนเดิม วันนี้กินมะตะบะไก่ กับข้าวเหนียวไก่ทอด


อิ่มข้าวก็ได้เวลาปาร์ตี้ มาจิบเบียร์ที่ Maya Bar ร้านนี้เพลงดีมี Happy Hour ด้วย

จบวันที่ 2 บนเกาะหลีเป๊ะ เมื่อยไปทั้งตัว แต่ก็ฟินมาก ๆ ขอตัวไปนอนหลับพักผ่อนยาว ๆ พรุ่งนี้จะย้ายที่พักไปนอนที่ The Cliff Lipe
----------------------------------------------
วันที่ 4
(30 พ.ย. 62)
Relax Day  

----------------------------------------------

  วันนี้ต้องเช็คเอาท์ตอนเที่ยงจาก Zodiac Resort และรอเช็คอินที่ The Cliff Lipe ตอนบ่ายสอง แพลนคือกินข้าวเช้าตอนสาย ๆ แล้วนอนเล่นที่ห้องก่อนพอเช็คเอาท์ค่อยฝากกระเป๋า แล้วค่อยออกไปเดินเล่นถ่ายรูป  เริ่มต้นวันนี้ด้วยอาหารเช้าชุดใหญ่ที่รีสอร์ท
   
เดินเล่นถ่ายรูปรอพนักงานของ The Cliff Lipe มารับ

The Cliff Lipe จะอยู่ที่ท้ายหาดซันเซ็ทถ้าขีดเส้นตรงก็คือตรงข้ามกับ Zodiac ฉะนั้นขี่มอไซต์ไม่ถึงนาทีก็มาถึง


ป้ายทางเข้า

เราจองห้องแบบ จากุซซี่ มาในราคา 10,500 บาท คุ้มมั้ยมาดูกัน มาเช็คอินก็มีเวลคั้ม ดริ๊ง เป็นน้ำอัญชันมะนาว เย็น ๆ ชื่นใจ

จากนั้นก็ให้เลือกอาหารเช้าสำหรับพรุ่งนี้เลยเพื่อจะมาส่งถึงห้องจะสั่งกี่อย่าง อย่างละกี่จานก็ได้ แล้วแต่เลย หรือตอนเช้าจะโทรมาสั่งเพิ่มได้ตลอดเวลา เราสั่งไป 3-4 อย่าง

รีสอร์ทมีบริการรับส่งที่ Walking Street ฟรี ตามเวลา ขากลับให้การโทรเรียกได้เลย

ห้องเราจะอยู่ด้านใต้ของห้องอาหาร ทางเดินลงไปชายหาด

เดินเข้ามาก็จะเจอระเบียงก่อน มีจากุซซี่ และมีโซฟากลม 1 ตัว พร้อมกับวิวแบบพานอราม่า ไร้สิ่งบดบังความสวยงาม




นี่แหละห้องเรา น่าจะห้อง Jaguzzi 01 ข้อดีวิวสวย ติดชายหาด ข้อเสียคือ จะมีคนเดินผ่านตลอด แต่ก็ไม่สามารถมองเข้ามาได้

เข้ามาดูในห้องบ้าง นอนดูทะเลสวย ๆ เพลิน ๆ

เครื่องนอนดีใช้ได้

Jaguzzi Time  เหล่ามันลัทธิสุขนิยม อะไรที่พอจะทำให้ตัวเองมีความสุขก็ทำมัน ชีวิตมันสั้น แต่โลกมันกว้าง จงออกเดินทางให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้


ตกบ่ายออกมามาข้าวกิน ที่ร้าน ซาร่าซี ตรงกลางถนนคนเดิน พร้อมตุนเสบียงไว้กินตอนกลางคืน ร้านนี้รสชาติอร่อยเลยครับ โดยเฉพาะแกงส้ม เปรี้ยวเผ็ด สะใจมาก ๆ

อิ่มแล้วกลับมาดำน้ำที่หน้ารีสอร์ท ฝั่งซันเซ็ทปะการังสมบูรณ์กว่าทางหาดพัทยาเยอะมาก ปลาก็ชุมกว่า โผล่หัวมาอีกทีพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว






พระอาทิตย์ตกดิน



ตกกลางคืนก็มีพนักงานมาจุดเทียนเพิ่มความโรแมนติค


จบวันที่ 3 บนเกาะหลีเป๊ะ จะสำลักความสุขตายอยู่แล้ว อิ่มเอิบใจมาก ๆ
----------------------------------------------
วันที่ 5
(1 ธ.ค. 62)
ถึงเวลาบอกลาเกาะหลีเป๊ะ

----------------------------------------------

ทุกครั้งที่ไปสถานที่ที่ประทับใจมาก ๆ มันจะไม่อยากกลับไปสู่ชีวิตจริง ที่นี่ให้ความรู้สึกนั้นอีกครั้ง เช้าวันสุดท้ายของทริปนี้ เราจองเรือไว้ตอน 13.00 น. ไม่ได้รีบร้อนนัก เพราะไฟลท์กลับคือ 22.25 น. อีกยาวไกลมาก เช้าวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสอีกเช่นเคย ตื่นมาเจอวิวสวย ๆ แบบนี้

เริ่มต้นด้วยอาหารเช้าของรีสอร์ท อร่อยมาก ๆ โดยเฉพาะ Egg Benedict






ที่รีสอร์ทมีคายัคให้ยืมพายฟรี มีหน้ากากดำน้ำ และตีนกบให้ยืมด้วย

เก็บของกันแบบเศร้า ๆ ไปเซ็คเอาท์ ตอน 11.00 น. ขอสักรูปก่อนจากลา

แล้วก็นั่งเล่นที่บาร์และห้องอาหารในรีสอร์ท นัดกับพนักงานไปส่งที่ท่าเรือตอน 12.30 น. ก็ชิลล์ ๆ ประมาณนี้





ราคาอาหาร -> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนกลับเป็นแม่บ้านกำลังทำความสะอาดห้องพูลวิลล่า เลยขอเข้าไปถ่ายรูปมาฝาก ห้องคือใหญ่มากแบ่งห้องนั่งเล่นกับห้องนอน มีทั้งสระน้ำ และอ่างน้ำเลย ราคาไม่ได้ต่างจากห้องจากุซซี่มากนัก





12.30 น. พนักงานมาจอดรถรอไปส่งที่ท่าเรือ

บรรยากาศท่าเรือของ akira เอาตั๋วเรือที่ได้จากเอเจ้นท์ไปแลกตั๋วขึ้นเรือ แนะนำให้มาไวหน่อยจะได้เลือกที่นั่งได้ ไม่งั้นอาจจะเจอแดดส่องตลอดหนึ่งชั่วโมง


มีเรือไปเกาะต่าง ๆ มากมาย ไปถึงเกาะพีพี หรือภูเก็ตก็มี ราคาก็ตามระยะทางเลย ถ้าไปเกาะลังกาวีที่นี่ก็มี ตม. ขาออกด้วย


บ๊ายบาย เกาะหลีเป๊ะ เราจะได้เจอกันใหม่



ถึงท่าเรือปากบาราตอนบ่ายสองนิด ๆ

ขึ้นรถตู้ขากลับ กับ Sea @ Holliday คราวนี้ผู้โดยสารเต็มคัน


ถึงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่อย่างปลอดภัย ตอน 17.00 น. นั่งรอวนไป เกือบ ๆ 5 ชั่วโมง
จบแล้วครับสำหรับทริปนี้ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ พบกันใหม่ทริปหน้าครับ

------------------------------
สรุปค่าใช้จ่าย (ต่อคนหาร 2)
------------------------------

✈️ ค่าเครื่องบินแอร์เอเซีย ดอนเมือง -หาดใหญ่ 800 บาท
🚌 ค่ารถตู้ vip 600 บาท
🛥 ค่าเรือเร็ว ปากบารา - หลีเป๊ะ 1,000 บาท
⚓️ ค่าผ่านท่าฯ 20 บาท
🍀 ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท

💵 รวมค่าเดินทาง 2,460 บาท
💵 ค่าดำน้ำเหมา 1,000 บาท
💵 ค่าโรงแรม 7,050 บาท
💵 ค่ากิน ดื่ม (กินค่อนข้างธรรมดา) 3,000 บาท

รวม 13,510 บาท (ปรับได้ตามความเหมาะสม)

ความคิดเห็น