บนเกาะจะไม่มีรถรับจ้าง ไม่มีมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง ไม่มีรถเช่า ไม่มีจักรยาน เราต้องเดินเอาอย่างเดียว แต่ถ้าจะไปหาดต่างๆ ก็จะมีเรือรับจ้างพร้อมให้เหมาตลอดทาง
เมื่อเก็บของเข้าที่พักกันเรียบร้อย ก็สามารถมาเดินเล่นที่อ่าวโละดาลัม ซึ่งเป็นอ่าวที่หันหลังชนกับท่าเรืออ่าวต้นไทรเลย
ที่พัก
พูดถึงเรื่องที่พักกันนิดนึง เพราะการจะพักที่ไหน เป็นตัวชี้ชะตาการเที่ยวเกาะพีพีกันเลยทีเดียว เหตุผลเพระว่า เกาะพีพีเป็นเกาะปาร์ตี้ ที่ในยามค่ำคืนนั้นจะมีแต่เสียงพับบาร์ ไม่มีการเกรงใจกันทั้งสิ้น แต่มันก็เป็นโซนๆกันไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และเงินในกระเป๋าของคุณ
A : อ่าวต้นไทร และอ่าวโละลานา ทางตะวันตก จะเป็นที่พักแพงๆ หรูๆ แต่ก็ยังมีเสียงเพลงกระหึ่มอยู่ดี
B : อ่าวต้นไทร และอ่าวโละลานา ทางตะวันออก จะเป็นพื้นที่ที่มีห้องพักเยอะที่สุด ทั้งถูกแพงกระจุกตัวอยู่กันที่นี่ เดินใกล้ท่าเรือนิดเดียว คนเยอะ เพื่อนแยะ แต่ข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดคือ เสียงเพลงดังมากๆ ถ้าใครนอนยาก นอนเร็ว ก็ไม่แนะนำแถบนี้เลย เพราะการเที่ยวของคุณจะถูกกลบด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว และนอนไม่หลับ (แต่อย่าลืมว่า แถวนี้ที่พักถูกนะจ๊ะ)
C : ไม่มีชื่อหาด แต่บางที่ก็เขียนว่าหาดไวกี้ง แพงขึ้นมานิดนึง แต่ไกลเมืองหน่อย เดินไกลหน่อย (จริงๆไม่หน่อยล่ะ ก็ไกลอยู่) แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรีสอร์ทริมทะเล สงบๆ
D : หาดยาว หรือ long beach เป็นหาดที่ GoNoGuide ยกให้เป็นหาดที่น่าเล่นน้ำที่สุด น่าพักที่สุด แต่ราคาที่พักก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ถ้ามีกระเป๋าใหญ่ เดินไปคงไม่ไหว
E : อ่าวผักหนาม เป็นหาดที่เงียบสงบมาก น่าพักมาก ราคาไม่แรง แต่ต้องเสียค่าเรือไปนะ กลางวันจะมีทัวร์จีนไปลงกินข้าว แล้วก็ไปต่อ
F : หาดโละบาเกา เป็นหาดที่น่าพัก และน่าเล่นน้ำเช่นกัน แต่จะแพงมาก
G : หาดแหลมทอง เป็นหาดที่น่าพักสุดๆ มีที่พักหรูๆเต็มไปหมด แต่แพงไง
H : อ่าวโละลานา ก็เป็นหาดที่น่าพักเช่นกัน อยากไปพักที่นี่เหมือนกัน เพราะจะมีหาดนุ้ยให้เดินไปได้ด้วย หาดนุ้ยถือว่าเป็นหาดเล็กๆที่เหมือนสวรรค์เลยทีเดียว
สรุปก็คือ ถ้าพักที่ A กับ B ก็เดินซื้อของในเมืองสะดวกสบาย ไม่ต้องนั่งเรือต่อ แต่เสียงดัง แต่ถ้านอกจากนั้น ก็ต้องนั่งเรือต่อไปอีก ค่าเรือก็ประมาณคนละ 100 – 250 บ./เที่ยว (แชร์เรือกันหลายคน) แต่ค่อนข้างสงบ
ค่าอาหาร
ทางเดินภายในบริเวณตัวเมืองของเกาะจะเป็นทางเดินดีๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ราคาอาหารแผงๆในตลาด ถูกสุดประมาณ 60-80 บาท ถ้าเป็นร้านนั่งกินก็ 90-100 ถ้าเป็นร้านสวยๆเลยก็ 150-250 บาท น้ำปั่น 40 – 50 – 60 บาท พิซซ่า 80 บาท ส้มตำ 60 บาท ลาบ 100 บาท ผัดไท 60 บาท
ผลไม้มีขายเยอะมาก มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเยอะ เซเว่นมี 4 สาขา ร้านขายของชำเล็กๆอีกหลายสิบที่ ของกินในเซเว่นไม่แพง ขายราคาปกติ
น้ำเปล่า 1.5 ลิตร 25-25 บาท เห็นมีฝรั่งแบกน้ำเป็นถังใหญ่มาจากแผ่นดินใหญ่ด้วยนะ
เท่าที่นึกออกคงมีเท่านี้นะคะ ถ้ามีคำถามอะไรสามารถโพสต์ไว้ใต้บทความได้เลยค่ะ
เที่ยวเกาะพีพี มีอะไรบ้าง
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า โดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่มักจะพักกันที่ ภูเก็ต หรือ กระบี่ แล้วซื้อทัวร์แบบไปกลับภายในวันเดียวกัน ซึ่งถ้าเป็นทัวร์เที่ยวเฉพาะ หมู่เกาะพีพี ล้วนๆ ก็จะไปอยู่ประมาณ 6-7 จุด ได้แก่ อ่าวมาหยา อ่าวโละซามะ อ่าวปิเละ ถ้ำไวกิ้ง อ่าวลิง อ่าวต้นไทย (ไปกินข้าว ซื้อของที่ระลึก) ปิดด้วยดำน้ำดูปะการังที่ เกาะไผ่ บางทัวร์อาจจะมี อ่าวลิง หาดนุ้ย เกาะยูง บ้าง แล้วแต่ทัวร์ และราคา
ทัวร์จากภูเก็ต/กระบี่ ออก 9 โมงเช้า ถึงเกาะ 10 โมง แวะแต่ละจุดประมาณ 30 นาที – 1 ชม. กลับ 4 โมงเย็น ถึงที่พัก 5 โมงเย็น (โดยประมาณ)
ราคาไปเช้าเย็นกลับจากภูเก็ต หรือกระบี่ ประมาณ 1100-1200 บาท / คน (สปีดโบ๊ทเท่านั้น)
ถ้าใครที่นั่งเรือใหญ่มาค้างที่เกาะพีพีดอน ก็สามารถมาหาเหมา เรือหางยาว ได้แถวอ่าวต้นไทร ราคาแล้วแต่ตกลง ถ้าเป็นทัวร์ตามข้างบน ก็ประมาณ 7500 บาท/เรือหางยาว 1 ลำ (สูงสุดไม่เกิน 5 คน) หรือถ้าไปแค่ไม่กี่ที่ก็คิดเป็นชั่วโมง(แล้วแต่ตกลง)
สรุปว่า ถ้าซื้อทัวร์มาจากภูเก็ตหรือกระบี่จะต้องนั่งสปีดโบ๊ทเท่านั้น แต่ถ้ามาถึงพีพีแล้วมักจะเหมาหางยาวกัน
เที่ยวเกาะพีพี ด้วยตัวเอง
สำหรับ GoNoGuide ต้องการมาเที่ยวแบบสำรวจแบบอิสระ โดยไม่ซื้อทัวร์ ไม่เหมาเรือ จึงทำให้เที่ยวได้เฉพาะส่วนของ เกาะพีพีดอน เท่านั้น
ซึ่งก็มีหลายส่วนที่น่าเที่ยวไม่น้อยเลย แค่ว่ามันดูจะผจญภัยไปซักหน่อย จะเป็นอย่างไรมาดูรีวิวกันเลยค่ะ
ภาพที่เห็นด้านบนทั้งหมดคือเกาะพีพีดอน ถ้าดูดีๆก็จะคล้ายๆตัว H มีแผ่นดินเชื่อมฝั่งซ้ายฝั่งขวาแค่นิดเดียวเท่านั้น
จุดที่เรือเฟอรี่ใหญ่ไม่ว่าจะมาจากภูเก็ต หรือกระบี่ มาจอดก็คือท่าเรืออ่าวต้นไทร ตรงนั้นจะมีโรงแรม รีสอร์ท โฮสเทล เกสต์เฮ้าท์มากมาย
เส้นทางเที่ยวของ GoNoGuide ก็คือ เส้นสีเหลือง และสีเขียว และการเที่ยว 2 วันต่อจากนี้จะเป็นการ “เดิน” ทั้งหมด แต่จะเดินได้มั้ย เดินอย่างไร เรามาดูกันค่ะ
ที่ยวเกาะพีพี วันที่2
วันที่สองของทริป แต่จะเป็นวันแรกของการเที่ยวจริงๆนะคะ เพราะเมื่อวานกว่าจะมาถึงก็เย็นแล้ว ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเดินเล่นหาด และตัวเมือง
วันนี้ GoNoGuide จะไปตรงเส้นสีเขียวก่อนนะคะ จริงๆแล้ววางแผนว่าจะไปหาดแหลมทาอง ตรงเส้นสีฟ้าด้วย แต่เวลาไม่พอก็เลยตัดออกไป
อ่าวโละดาลัม
การเดินทางเริ่มที่ คิดตี้เกสต์เฮ้าส์ อยู่ด้านบนตัวเมืองนิดหน่อย ไปยังจุดแรกคือ อ่าวโละดาลัม ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักแค่นิดเดียว มาเดินอ่าวนี้ก่อนเพราะรอเวลาอาหารเช้า
อ่าวโละดาลัม ถือว่าเป็นอ่าวที่มีคนมาเล่นมากที่สุด เพราะมันใกล้อ่าวต้นไทรมากๆ เป็นหาดที่ยาวมากๆ จะมีผับบาร์เปิดเสียงเพลงดังๆในตอนกลางคืน ใครที่ไม่ชอบเสียงดังก็ระวังไว้นะ แต่ตอนเช้าจะเงียบ บ้างก็มีคนแฮ๊งค์โอเวอร์จากเมื่อคืนนอนแผ่กันแถวๆนั้น
แม้ว่าจะมีหินปะการังอยู่เยอะ เดินลงน้ำก็เจ็บเท้า แต่ก็ถือว่าเป็นหาดที่พอจะสามารถเล่นน้ำได้อยู่บ้าง โดยรวมแล้วถือว่าสวยใช้ได้ค่ะ
จุดชมวิว 1,2,3
จุดชมวิวที่นี่ เขาเรียกว่า Viewpoint 1,2,3 จะมีป้ายตลอดทาง ถามทางใครก็ถามว่า viewpoint ไปท่างไหน ใครๆก็รู้จัก บางทีเดินหลงทาง เข้ารีสอร์ทอื่นๆ เขาก็ถามเลย Viewpoint? นู่น….overthere
ต้องบอกเลยว่าใครมาพักที่เกาะพีพี ต้องมาจุดชมวิวนี้ให้ได้ มันเป็นบุญตามากๆ แต่เนื่องจากพื้นที่นั้นเป็นของเอกชน ที่เขาทำทาง ทำพื้นที่ให้สวยงาม จึงต้องมีค่าเข้า 30 บาท ซึ่งก็ไม่แพงเลย สำหรับสิ่งที่เราจะได้เห็น
แต่ก่อนที่จะได้เห็นสิ่งสวยงาม ก็ต้องใช้แรงกันบ้างนะ ขึ้นบันไดเหนื่อยเอาเรื่องอยู่ แต่ไม่มากค่ะ และสิ่งที่ตาเราเห็นมันคือภาพที่น่าประทับใจที่สุดแบบนี้ค่ะ
ที่ Viewpoint 1 จะมีการตกแต่งสวน ที่นั่งพัก จุดถ่ายรูปเยอะแยะ แต่อย่าเพิ่งเสียเวลากับที่นี่มากค่ะเพราะจุดที่ 2 รอเราอยู่ เรียกได้ว่าใครหมดแรงถอดใจซะก่อน จะต้องเสียดายไปตลอดชีวิตแน่ๆ เพราะภาพที่จะได้เห็นคือ…..
….แบบนี้ไง แว๊บแรกที่เห็นถึงกับอึ้ง อ้าปากค้าง รู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์แล้วมองลงไปที่โลกมนุษย์ ให้อยู่บนนี้นานๆก็ได้
พอถึง Viewpoint 2 แล้ว ถ้าใครยังพอมีแรงอยู่ก็อยากแนะนำให้ไป viewpoint 3 ด้วย ซึ่งต้องเดินขึ้นไปไกลอยู่เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครไปเท่าไหร่ แต่รับรองได้ว่า คุ้มค่าเดินแน่นอน
Viewpoint 3 นี้ จะมีค่าเข้าอีก 20 บาท แต่จะแถมน้ำขวดให้ด้วย ซึ่งถือว่าคุ้มมากๆ กับวิว โต๊ะ เก้าอี้ บรรยากาศ และ ….
…เปล แหม….มันช่างรื่นรมย์ นอนเปล ฟังเสียงนก เสียงลม เพลงสากลจากวิทยุ บอกได้เลยว่า ถ้าใครไม่มีโปรแกรมเที่ยวที่ไหนต่อ ให้นอนที่นี่แหล่ะ เป็นการขจัดขยะในหัวสมองจากชีวิตประจำวันได้ดีมากๆเลยล่ะ
อ่าวผักหนาม
ในป้ายเขียนว่า Pak Nam Bay เราก็อ่าน อ่าวปากน้ำ มาตั้งนาน
หลังจากจบจาก Viewpoint 3 ก็สามารถเดินต่อขึ้นมาทางเหนือเพื่อไปยังหาดต่างๆได้ แต่หนทางมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบน่ะสิ เพราะทางเดินมันจะแคบๆ หญ้ารกๆ กิ้งกือตัวใหญ่ๆเดินกันเต็ม
อารมณ์ตอนนั้นคือ ไม่ได้เตียมตัว เตรียมใจมาเจอแบบนี้ ชุดที่ใส่ก็เป็นกางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุด รองเท้าแตะ เตรียมตัวมาเล่นน้ำเต็มที่ ไม่ได้คิดจะมาเดินป่าเลย แต่เมื่อป้ายมันชี้มา เราก็เดินไป ทางเข้ามันไม่เท่าไหร่ แต่พอลึกเข้าไปเรื่อยๆ มันยิ่งน่ากลัว
ถ้ามีงูล่ะ ถ้ามีลิงล่ะ ถ้ามีผีล่ะ สารพัดจินตนาการที่จะคิดออก เดินไปก็บ่นไป ใช้เสียงกลบความกลัวเข้าไว้
โอ๊ยยย…ยุงกัด ไม่ใช่ยุงธรรมดา มันเป็นยุงยักษ์จ้าาา มันเกาะเต็มแขน เต็มขา กลับไปจะเป็นไข้เลือดออกมั้ย…
ทางนี้ยังกว้างนะ ก่อนถึงอ่าวผักหนามแทบจะต้องลุยป่ากันเลย
และนี่คือ อ่าวผักหนาม ที่พวกเรามาโผล่ตรงหลังพุ่มไม้สุดหาดที่เห็นไกลๆนั่นเอง
นั่งพักกินข้าว เล่นน้ำ แล้วก็เดินผ่านหินดำๆ ต่อไปสุดหาดอีกฝั่งนึง
อ่าวผักหนาม มีหาดที่ก็สวย แต่น้ำไม่ค่อยน่าเล่น เพราะมีหินปะการังเต็มไปหมด ส่วนใหญ่ที่มาก็ก็จะเป็นกรุ๊ปทัวร์มาลงพักกินข้าวกัน
อ่าวโละบาเกา
จากอ่าวผักหนาม ก็ต้องเดินหาทางไป อ่าวโละบาเกา ต่อ แต่ไม่รู้ไปทางไหน ไม่มีป้ายบอก เลยถามชาวบ้าน พี่เขาชี้ให้เข้าป่าไป พวกเราล่ะมองหน้าซีดๆกันและกัน แล้วก็เรียกพลัง “สู้โว้ยยย…” เพราะเราหันหัวกลับไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าอย่างเดียว
เส้นทางเดินไกลพอสมควร ทางก็แย่กว่าเดิม แฉะ โคลน กิ้งกือ ยุงยักษ์ กับชุดว่ายน้ำที่เป็นกระโปรง กับเสื้อแขนกุด ไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาไปตลอดทาง
สุดท้ายก็โผล่ออกมาจากป่าด้วยความทุลักทุเล เห็นรีสอร์ทหรูๆ คนนอนข้างสระอย่างสบาย แล้วก็หันมามองสาระรูปตัวเอง มันช่างต่างกันอะไรเยี่ยงนี้
แต่โชคดีก็คือ ตอนนั้นเป็นช่วงน้ำลง เลยทำให้เราเดินได้อย่างสบายบนหาดทรายเปียกๆ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าน้ำขึ้น เราคงต้องปีรีสอร์ท ขอเขาเดินก็เป็นแน่
อ่าวโละบาเกา จะมีหาดที่น่าเล่นน้ำมากๆ เพราะพื้นมีแต่ทราย ไม่มีหินปะการังมากวน -ีน แถมยังเป็นที่จัดงานแต่งงานอีกด้วยนะ
ดูสิน้ำลดจนคนต้องเดินไปขึ้นเรือซะไกลเลย
ที่นี่เราไม่สามารถเล่นน้ำได้ จึงเดินต่อไปยังอ่าวถัดไปคือ อ่าวโละลานา ภาพด้านบนเป็นระหว่างทางที่จะไปโละลานา จะมีหมู่บ้าน มีเรือหางยาว ทางเดินดีๆ น่ามาพักมากๆ
ธรรมชาติที่นี่สวยมากๆ ภูเขา ต้นไม้ จริงๆมีจุดชมวิวข้างบนด้วย แต่เวลาคงไม่พอ แล้วก็หาทางขึ้นไม่ได้ด้วย ก็เลยข้ามไป
ทางเดินไป อ่าวโละลานา นั้นไม่ยากเลย วิวก็สวย แต่ก็ไกลพอสมควร
อ่าวโละลานา
อ่าวโละลานา มีหาดที่ไม่ค่อยน่าเล่นน้ำซักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะน้ำลดนะ แต่เห็นหินเยอะมาก ถ้าน้ำขึ้น ก็คงเล่นไม่สนุกหรอก
ในภาพจะเห็นวัยรุ่นฝรั่งที่สะพายเป้น้ำเงินคนนั้น จริงๆแล้วเราเจอกันในป่า ก่อนถึงอ่าวผักหนาม คุยกันได้ความว่า เขาก็จะเดินวนเส้นทางเดียวกับพวกเรานั่นแหละ แต่วนคนละทาง ของเขาวนตามเข็มนาฬิกา ส่วนเราวนทวนเข็ม
แต่เราก็ได้มาเจอกันอีกทีที่อ่าวโละลานา ซึ่งแสดงว่าเขาใกล้จะจบรอบของเขาแล้ว ในขณะที่พวกเรายังมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น
ก็พวกเราทั้งนั่งกิน ทั้งล่นน้ำ แล้วก็เดินช้าด้วย ก็เลยช้ากว่าเขาน่ะสิ ไม่ใช่เพราะสังขารเลยนะ ม่ายช่ายยยย…เล้ยย…
จาก อ่าวโละลานา การเดินไป หาดนุ้ย จะต้องเดินไปสุดหาด แล้วผ่านหินพวกนี้ ซึ่งถ้าไม่ใช่ช่วงน้ำลดก็อาจจะไปไม่ได้
หาดนุ้ย
แต่หนทางมันก็ไม่ใช่ง่ายๆน่ะสิ วันนี้อย่างกับมาเข้าค่ายแน่ะ
มีทั้งปีน ทั้งก่าย ข้ามกระดานไม้ ไต่หินลง กับรองเท้าแตะจ้าาา
บางทีก็ต้องถอดรองเท้าโยนไปก่อน แล้วก็ไต่กันเท้าเปล่า น่าจะปลอดภัยกว่า
และสุดท้าย ก็มาเห็นหาดที่สวยที่สุดเท่าที่ผ่านมาวันนี้ อย่างกับสวรรค์จริงๆ หาดนุ้ย
คนที่มาที่นี่ก็เห็นจะมีแต่คนพายคายัคมา ส่วนใหญ่ก็จะมานอนเล่นเฉยๆ เพราะในทะเลมีแต่หินปะการัง เดินเจ็บเท้า แต่ต้องยอมรับว่า เป็นหาดที่สวยมากๆ พวกเราใช้เวลากิน นอน เล่นน้ำอยู่ร่วมชั่วโมง ก็ได้เวลาย้อนกลับไปที่อ่าวโละลานาทางเดิม
กลับอ่าวต้นไทร
จากนั้นก็เดินตามป้ายที่เขียนว่าอ่าวต้นไทร Ton Sai Bay ที่นี่จะเขียนป้ายเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
ในช่วงแรก ทางจะเป็นทางปูนดีๆ แต่ก็ต้องวกเข้าป่าอีกเช่นเดิม ก็เลยทำให้พวกเราอดคิดไม่ได้ว่า แล้วคนท้องถิ่นเขาเดินทางกันยังไง ต้องเดินเข้าป่าแบบนี้ตลอดเลยหรือ มันก็ลำบากมากๆอยู่นะแม้ว่าเขาจะเป็นคนท้องถิ่นก็ตาม
ทางครั้งนี้ค่อนข้างไกลประมาณ 3.5 กม. แต่ถึงจะเข้าป่า แต่ทางก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ ไม่น่ากลัวมากแล้ว หรือเราเลิกกลัวไปแล้วก็ไม่รู้นะ
หินดำ
เมื่อออกมาจากป่า จะเจอแนวหินดำตลอดแนวยาว
นี่ถือว่าโชคดีที่น้ำลง ถ้าเป็นช่วงน้ำขึ้น หินจะถูกกลบด้วยน้ำทะเล ถึงจะยังเดินได้ แต่มันจะลื่น
ทางเดินจะเป็นหินบ้าง ทางปูนบ้าง แต่ก็ยังง่ายกว่าเดินในป่าแบบตอนเช้า
ทางซ้ายสุดของภาพ ก็จะเป็นอ่าวโละดาลัมแล้ว เห็นใกล้ๆแบบนี้นะ เดินไกลเหมือนกันนะจะบอกให้ แต่แค่เห็นก็ดีใจแล้ว ว่าวันนี้เรารอดกันมาได้ ไม่หลงป่าจนมืดค่ำ
และในที่สุด GoNoGuide ก็ทำสำเร็จ เดินทางครบรอบมาจบที่ อ่าวโละดาลัม ในเวลา 6 โมงเย็น รวมเวลาเดินทางทั้งหมด 9 ชม.
สรุปว่า
- ทางเดินเชื่อมระหว่างเกาะด้านบน กับตัวเมือง ไม่ใช่ทางที่คนทั่วๆไปจะเดินเล่นกันได้ ถ้าจะไปก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจกันหน่อย ทั้งกางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบ เสื้อแขนยาว เพราะยุงเยอะมากๆ ต่อให้ซื้อยาฉีดกันยุง มันก็ไม่สะทกสะท้านเลย
- ถ้าต้องการไปหาดแหลมทองด้วย แนะนำให้ออกตั้งแต่เช้า 6โมง แล้วก็ห้ามอู้แต่ละหาดมาก พวกเราใช้เวลามากในจุดชมวิว ถ่ายวิดีโอ เล่นน้ำ กิน และนอน เลยช้าไปหน่อย
- เตรียมอาหารและน้ำไปด้วย เพราะไม่มีขายข้างทาง
- ประสบการณ์วันนี้ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าตอนเผชิญมันน่ากลัวมาก ไม่อยากเจออีกแล้ว แต่พอมองย้อนกลับไป มันก็สนุกดีนะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น